ความรู้เรื่องโรคทริคิโนซิส
ICD 10 : B75 ข้อมูลการเฝ้าระวัง
ลักษณะโรค
เป็นโรคที่เกิดจากตัวอ่อนของพยาธิในกล้ามเนื้อ อาการในคนแตกต่างกันมากขึ้นกับจำนวนตัวอ่อนที่รับประทานเข้าไป
อาจเป็นการติดเชื้อโดยไม่ปรากฏอาการหรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
สาเหตุ
พยาธิตัวกลมลำไส้ Trichinella spiralis ตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้จะอยู่ตามกล้ามเนื้อ
และมีถุงหุ้มแคลเซียมเกาะ ทำให้ทนทานต่อกระบวนการถนอมอาหาร เช่น การหมักเกลือ การใช้เครื่องเทศ
และการรมควัน มีรายงานพบตัวอ่อนที่มีชีวิตในกล้ามเนื้อคนได้นานถึง 5-10 ปี
วิธีการติดต่อ
ติดโดยการกินเนื้อสัตว์ที่มีพยาธิตัวอ่อน โดยปรุงดิบ ๆ ดิบๆสุก ๆ หรือสุกไม่เพียงพอ
เช่น สาบ ลู่ แหนม ถุงซีสต์หุ้มตัวอ่อนจะถูกย่อยที่กระเพาะอาหาร ตัวอ่อนจะเข้าไปฝังตัวในเซลล์ผนังลำไส้เล็กแล้วเจริญเติบโตเป็นตัวแก่ภายใน
2 วัน เมื่อผสมพันธุ์แล้ว ตัวเมียจะผลิตตัวอ่อนได้มากถึง 1,500 ตัว ตัวอ่อนจะไชเข้าท่อน้ำเหลือง
และหลอดเลือดฝอย เข้าสู่กระแสเลือดแล้วกระจายไปทั่วร่างกาย ไปฝังตัวตามกล้ามเนื้อลาย
เช่น กล้ามเนื้อกระบังลม น่อง ซี่โครง และแขน
ระยะฟักตัว
พบได้ตั้งแต่ 18 ชั่วโมง ถึง 1 เดือน ขึ้นกับปริมาณพยาธิตัวอ่อนที่รับประทานเข้าไป
แต่ส่วนใหญ่จะปรากฏอาการภายใน 8-15 วันหลังจากกินพยาธิตัวอ่อน
ระยะติดต่อ
ไม่ติดต่อจากคนถึงคน สัตว์นำโรครวมถึงสัตว์ป่าสามารถแพร่เชื้อได้นานหลายเดือน และเนื้อสัตว์จะยังคงมีพยาธิตัวอ่อนที่มีชีวิต
ยกเว้นจะถูกทำลายโดยการปรุงให้สุกด้วยความร้อน หรือเก็บแช่แข็งเป็นเวลานานพอ
อาการและอาการแสดง
อาการในคน
อาการในคนจะรุนแรงมากหรือน้อยแตกต่างกันออกไปขึ้นกับจำนวนพยาธิตัวอ่อนที่รับประทานเข้าไป
แบ่งอาการได้ 3 ระยะ คือ
- ระยะที่ 1 อาจเกิดอาการภายใน 18 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ที่มีพยาธิตัวอ่อนเข้าไป
ระยะนี้มักกินเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะแสดงอาการของโรคทางเดินอาหาร ได้แก่
ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน
- ระยะที่ 2 พบในสัปดาห์ที่ 2-6 เป็นระยะที่พยาธิตัวอ่อนแพร่กระจายไปทั่วร่างกายตามกล้ามเนื้อลาย
ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง เปลือกตาบวม ตาแดง เลือดออกใต้เยื่อตา กลัวแสง ปวดตามกล้ามเนื้อ
หายใจลำบาก เคี้ยว กลืน หรือพูดลำบาก แล้วแต่กล้ามเนื้อใดถูกพยาธิไชเข้าไป บางรายอาจมีผื่นตามลำตัว
เลือดออกใต้เล็บ บางรายอาจมีเยื่อสมองอักเสบ และสมองอักเสบ เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่
3-6 บางรายอาจมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือปอดอักเสบในสัปดาห์ที่ 4-8 ซึ่งอาการรุนแรงถึงแก่ชีวิต
- ระยะที่ 3 จะมีการสร้างถุงหุ้มพยาธิตัวอ่อน ผู้ป่วยจะดีขึ้น แต่อาจยังคงมีอาการปวดตามกล้ามเนื้อ
และอ่อนเพลียไปอีกระยะหนึ่ง
อาการในสัตว์
สัตว์ที่เป็นโรคมักไม่แสดงอาการให้สังเกตเห็น ในสุกรถ้ามีพยาธิมากๆ คือเกิน 1,300
ตัว ต่อน้ำหนักกระบังลม 1 กรัม อาจแสดงอาการป่วย เช่น ไข้ ซึม หายใจลำบาก ปวดตามหน้า
ขาแข็ง เดินเก้งก้าง เจ็บตามกล้ามเนื้อ และตายในที่สุด
ระบาดวิทยาของโรค
ทริคิโนซิสเป็นโรคสัตว์ติดคนที่พบได้ทั่วโลก ในประเทศไทยส่วนมากพบในภาคเหนือเกือบทุกจังหวัด
ที่จังหวัดชุมพรเคยมีรายงานพบผู้ป่วยโรคนี้เนื่องจากการกินเนื้อเต่าบกแบบสุก ๆ
ดิบๆ อุบัติการแตกต่างกันออกไปตามพฤติกรรมการบริโภคและการปรุงอาหาร โดยเฉพาะอาหารจากเนื้อสุกรและสัตว์ป่าที่ปรุงไม่สุก
หรือสุก ๆ ดิบ ๆ การเกิดโรคมักเกิดระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านมีกิจกรรมร่วมกัน
เช่น งานปีใหม่ งานเลี้ยงหลังการเก็บเกี่ยว งานมงคลสมรส และงานขึ้นบ้านใหม่ ซึ่งในงานดังกล่าวจะมีการชำเเหละสุกรมาปรุงเป็นอาหารในงาน
ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในเขตชนบท และอยู่ในวัยทำงาน โดยกลุ่มอายุที่มักพบคือ 25-40
ปี เมื่อพิจารณาตามเพศพบว่าเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงเนื่องจากผู้ชายนิยมกินลาบดิบ
ลู่ดิบ แหนมดิบกับสุรา จากอุปนิสัยการบริโภคของคนไทยในภาคเหนือที่นิยมบริโภคอาหารสุกๆ
ดิบๆ ประเภทลาบ ลู่ หรือแหนม จึงมีโอกาสเกิดโรคนี้ได้สูง ประกอบกับโรคทริคิโนซิสในสุกรมักจะไม่แสดงอาการ
จึงทำให้ประชาชนทั่วไปที่ประสงค์จะซื้อสุกรมีชีวิต เพื่อนำมาชำแหละประกอบอาหารเองนั้น
จะไม่มีทางทราบเลยว่าสุกรเป็นโรคหรือไม่ ดังนั้นจึงควรซื้อสุกรจากแหล่งที่มีการเลี้ยงอย่างถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล
หรือจากฟาร์มที่มีชื่อเสียง ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนสุขนิสัยในการรับประทานอาหาร
ก็จะทำให้อัตราป่วยด้วยโรคทริคิโนซิสในประเทศไทยลดลงได้
การรักษาในสัตว์เศรษฐกิจ
ไม่นิยมรักษา ถ้าพบว่าสัตว์เป็นโรคทริคิโนซิส ให้ทำลาย และห้ามนำเนื้อนั้นไปเป็นอาหารของคนหรือสัตว์อื่น
การรักษา
การรักษาโรคทริคิโนซิสในคนประกอบด้วยการทำลายพยาธิตัวแก่ และการทำลายพยาธิตัวอ่อนในลำไส้
และตัวอ่อนในกล้ามเนื้อที่ยังไม่มีซิสต์หุ้ม และตัวอ่อนที่มีซิสต์หุ้มแล้ว
การทำลายพยาธิตัวแก่ อาจเลือกใช้ยาทำลายพยาธิ เช่น ให้รับประทาน
Pyrantel ให้ขนาด 10 มก. /กก./วัน ติดต่อกัน 5 วัน ,
Levamisole ให้ขนาด 2.5 มก./กก./วัน รวมไม่เกิน 150 มก./วัน นาน 3 วัน
Thiabendazole ให้ขนาด 25 มก./กก./วัน นาน 2-5 วัน
การทำลายพยาธิตัวอ่อน
ใช้ยาในกลุ่ม Benzimidazole ซึ่งปัจจุบันไม่แนะนำให้ใช้ยา Thiabendazole เนื่องจากมีผลข้างเคียง
เช่น คลื่นไส้ เวียนศรีษะ ผื่นแพ้ตามตัว และระคายเคืองกระเพาะลำไส้สำหรับผู้ป่วยอาการน้อยถึงปานกลาง
ให้ Mebendazole 5 มก./กก./วัน รวมไม่เกิน 200 มก./วัน แบ่งให้เช้าเย็น นาน 5 วัน
หรือให้ Albendazole 400 มก. นาน 5 วัน
ผู้ป่วยอาการน้อยไม่ควรให้ Corticosteroids เพราะจะยืดเวลากำจัดพยาธิตัวแก่ในลำไส้
ทำให้ผลิตตัวอ่อนได้มากขึ้น กรณีนี้ให้ antipyretic และ analgesic ก็เพียงพอ
ผู้ป่วยอาการปานกลาง ให้ Prednisolone ขนาด 20-40 มก./วัน
สำหรับผู้ป่วยอาการรุนแรง
กรณีมีไข้สูง มักมีอาการแพ้รุนแรง มีเม็ดเลือดขาวสูง อีโอซิโนฟิลสูง ควรให้ Mebendazole
5 มก./กก./วัน แบ่งให้เช้าเย็น หรือเพิ่มเป็น 3 เวลา รวมไม่เกิน 400 มก./วัน โดยอาจให้ได้นานถึง
2 สัปดาห์ ควรให้ Corticosteroids เพื่อเป็น antiinflammatory, antiallergic และ antishock
โดยใช้ Prednisolone 40-60 มก./วัน จนกว่าไข้และอาการแพ้จะหายไป
ในรายที่มีอาการรุนแรงมากต้องเพิ่มขนาดยาเพื่อรักษาชีวิต จำเป็นต้องให้นอนพักและให้
intensive care โดยเฉพาะรายที่มีอาการแทรกซ้อน ในรายที่รุนแรงอาจให้ Prednisolone
40 มก. เข้าหลอดเลือดดำทุก 6 ชั่วโมงจนกว่าอาการดีขึ้น แล้วตามด้วยการให้กิน Prednisolone
40-60 มก. นาน 10 วัน
การรักษาในผู้ป่วยบางกลุ่ม
เด็ก ต้องให้การดูแลรักษาใกล้ชิด โดยเฉพาะระยะเฉียบพลัน เนื่องจากมักทีปฏิกิริยาทาง
vascular และ hypersensitivity สูง
ผู้ป่วยที่มีอาการแทรกซ้อน ต้องดูแลรักษาใกล้ชิด
สตรีมีครรภ์ อาการมักรุนแรงน้อยกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่น อาจเนื่องมาจากมีการเพิ่มระดับ
steroid และ histamine ไม่ควรให้ corticosteriods และไม่ควรให้ยาในกลุ่ม benzimidazole
นอกจากมีเหตุผลจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสแรกของครรภ์ เนื่องจากอาจจะมีผลต่อทารกในครรภ์
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ประเทศไทยมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการที่มีความสามารถตรวจโรคนี้ทางซีรั่มอิมมูนวิทยา
การตรวจวินิจฉัย ได้แก่
- ศูนย์ความร่วมมือนานาชาติ โรคทริคิโนซิส คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- ศูนย์วิจัยและชันสูตรโรคสัตว์ภาคเหนือ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง
- คณะเวชศาสตร์เขตร้อน และคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมหิดล
การศึกษาทางห้องปฏิบัติการ โดยการเจาะเลือดในผู้ป่วยพบเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิลเพิ่มสูงขึ้น10-90%
และ/หรือ Creatinine Kinease ในซีรั่มสูงกว่าปกติ (มากกว่า 30 U/L) รวมทั้งตรวจพบตัวอ่อนของพยาธิที่กล้ามเนื้อน่อง
นอกจากนั้นแล้วให้นำเนื้อสัตว์ดิบ หรือซากสัตว์ที่สงสัยซึ่งยังเหลืออยู่จากการบริโภค
โดยเฉพาะให้ตัดบริเวณกล้ามเนื้อกะบังลม หรือเนื้อติดซี่โครง ให้นำมาตรวจด้วยวิธี
Compression and Digestion เพื่อตรวจหาพยาธิในกล้ามเนื้อ โดยประสานงานกับปศุสัตว์ในพื้นที่
รายละเอียดของการเก็บตัวอย่างและการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการมีดังต่อไปนี้
การเก็บตัวอย่างจากผู้ป่วย
- การตรวจชิ้นเนื้อ
ควรทำหลังกินอาหารที่สงสัยตั้งแต่ 10 วันถึง 4 สัปดาห์ เป็นวิธีตรวจหาตัวอ่อนที่ยังไม่มีแคลเซียมมาเกาะ
ควรตัดชิ้นเนื้อน่องบริเวณที่ผู้ป่วยรู้สึกปวดมากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสการพบตัวอ่อน
มักทำที่กล้ามเนื้อ deltoid, bicep หรือ gastrocnemius
- การตรวจเลือด จะพบเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น และพบเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิลเพิ่มสูงขึ้น 10-90%
นอกจากนั้นอาจพบเม็ดเลือดแดงเพิ่มด้วย และจะพบระดับเอมไซม์สูงขึ้น เช่น CPK (Crestinine
Phosphokinase)
- การตรวจทางซีรั่มวิทยา
อาจทำได้หลังจากสัปดาห์ที่ 3 และควรตรวจซ้ำ 2 ครั้ง ทำได้โดยวิธีต่าง ๆ เช่น Indirect
fluorescent antibody test, Bentonite flocculation test , Latex aggutination
test และ ELISA (Enzyme-Linked Immunosorbent Assay)
การเก็บตัวอย่างจากสัตว์
การวินิจฉัยโรคในสัตว์โดยดูอาการทำนั้นทำได้ยาก เนื่องจากสัตว์ไม่แสดงอาการ ยกเว้นมีตัวอ่อนเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นการวินิจฉัยจึงต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นหลัก ซึ่งมีวิธีการตรวจได้หลายวิธี
การตรวจชิ้นเนื้อ
เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อซึ่งยังสดอยู่จากกล้ามเนื้อกระบังลม กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครง
กล้ามเนื้อน่อง หลัง ลิ้น แก้ม ขนาดประมาณ 100 กรัม นำไปตรวจสอบด้วยวิธีซึ่งจะกล่าวต่อไป
หรือแช่ใน Glycerine ส่งห้องปฏิบัติการ
วิธี Compression technique เลาะพังผืดออกจากเนื้อที่จะตรวจให้หมด แล้วใช้มีดผ่าตัดเฉือนเนื้อให้บางที่สุดตามความยาวของกล้ามเนื้อ
หรือใช้กรรไกรปลายงอนตัวแฉลบให้ได้ขนาดของชิ้นเนื้อกว้างประมาณ 3 มม. ยาวประมาณ
10 มม. นำชิ้นเนื้อที่ตัดออกนี้ไปบีบให้แบนระหว่างแผ่นสไลด์หรือกระจกหนาสองแผ่น
บีบปลายสองด้านให้แน่นด้วยตัวหนีบ หรือยางรัด ตรวจหาพยาธิตัวอ่อนในชิ้นเนื้อด้วยกล้องจุลทรรศ์กำลังขยาย
x 25 หรือ Trichinoscope ในการตรวจควรจะตรวจชิ้นเนื้ออย่างน้อย 5 ชิ้น และถ้าหยดน้ำยา
Lacto-phenol ลงบนชิ้นเนื้อจะทำให้เห็นพยาธิได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
วิธี Digestive technique เลาะพังผืดต่าง ๆ ออกจากเนื้อเช่นเดียวกัน แล้วไปบดด้วยเครื่องบดเนื้อ
ผสมกับน้ำยาย่อยเนื้อในอัตราส่วน 1: 10 โดยน้ำยาย่อยมีส่วนผสมดังนี้
Pepsin 35.0 กรัม
HCL (conc.) 30.0 มล.
น้ำ 3,000.0 มล.
ผสมเนื้อกับน้ำยาย่อย คนให้เข้ากัน ตั้งไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงแล้วจึงนำเข้าตู้อบที่อุณหภูมิ
37oC นาน 18 ชั่วโมง ดูดเอาส่วนข้างบนออกให้เหลือประมาณ 1/5 แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปจนมีปริมาตรเท่าของเดิม
ตั้งทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงแล้วดูดน้ำส่วนข้างบนออก นำส่วนที่เหลือเทใส่ petri dish
ตรวจหาพยาธิตัวอ่อนด้วยกล้องจุลทรรศน์
การตรวจทางซีรั่มวิทยา
เจาะเลือดจำนวน 3-5 มล. แล้วแยกซีรั่มส่งห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจต่อไป
มาตรการควบคุมโรคเบื้องต้นและจำเพาะ
มาตรการในระยะระบาด ระหว่างการสอบสวนโรค
ต้องสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาเพื่อหาชนิดของอาหาร และสัตว์ที่เป็นสาเหตุให้ได้
และการให้สุขศึกษาเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร หรือการปฏิบัติผิด ๆ
ที่พบในการเลี้ยงสัตว์ และการผลิตอาหารจากเนื้อสัตว์ และแจ้งข่าวการระบาดไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทางสาธารณสุขและปศุสัตว์
ควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ไปยังต่างท้องที่ หากพบพยาธิในซากสัตว์ หรือสัตว์มีชีวิตต้องรักษาหรือทำลาย
มาตรการควบคุมผู้ป่วย ผู้สัมผัส และสิ่งแวดล้อม
- การแยกผู้ป่วย : ไม่จำเป็น
- การทำลายเชื้อ :ไม่จำเป็น
- การกักกัน : ไม่จำเป็น
- การให้ภูมิคุ้มกันแก่ผู้สัมผัส : ไม่มี
มาตรการป้องกัน
- ให้สุขศึกษาแก่ประชาชน รวมทั้งผู้ล่าสัตว์ให้ทราบถึงความจำเป็นที่จะต้องปรุงอาหารโดยเฉพาะเนื้อสุกรชาวเขา
สุกรป่า สัตว์ป่า ให้สุกด้วยความร้อนอย่างน้อย 77 องศาเซลเซียส หรือจนกระทั่งเนื้อเปลี่ยนไปจากสีชมพูเป็นสีเทาทุกส่วน
- ให้สุขศึกษาแก่ผู้เลี้ยงสุกรให้เลี้ยงสุกรในคอกที่สุขลักษณะ และเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป
หรือหากจำเป็นต้องใช้เศษอาหารต้องทำให้สุกก่อน และควรกำจัดหนูบริเวณคอกด้วย
- ออกกฎหมายให้มีมาตรการตรวจเนื้อ เพื่อควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหารประเภทเนื้อสุกร
ซึ่งอาจใช้การตรวจหาตัวอ่อนในเนื้อสัตว์โดยวิธีการย่อย
- สำรวจโรคในสัตว์เพื่อประเมินความชุกของโรค และการกระจายตามพื้นที่ โดยทำการตรวจทางอิมมูโนวิทยาด้วยวิธี
ELISA ในสัตว์มีชีวิต เนื่องจากสัตว์ที่เป็นโรคมักไม่แสดงอาการ
- ซากสัตว์ที่มีพยาธิตัวอ่อนทริคิเนลล่า ต้องทำลายตัวอ่อนก่อนอนุญาตให้จำหน่ายโดยการแช่แข็งชิ้นเนื้อหนาไม่เกิน
15 เซนติเมตร ที่อุณหภูมิ -15 องศาเซลเซียส นาน 30 วัน หรือที่ -25 องศาเซลเซียส
นาน 10 วัน ชิ้นเนื้อที่หนาเกิน 15 เซนติเมตรต้องเก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่านี้อย่างน้อย
20 วัน
- แนะนำและตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปจากเนื้อสุกร เช่น แหนม เพื่อให้ปลอดจากพยาธิตัวอ่อน
เช่น การฉายรังสีแกมม่าเพื่อทำลายตัวอ่อน
บาดทะยัก
// ไข้สมองอักเสบ //
ทริคิโนซิส // ไข้ไทฟอยด์
// ตับอักเสบ
A // มาลาเรีย
// Ebola
// Leptospirosis
// Streptococus
// ไข้เหลือง
เรียบเรียงโดย สัตว์แพทย์หญิงเสาวพักตร์ เหล่าศิริถาวร, สัตว์แพทย์ธีรศักดิ์
ชักนำ